top of page

ส่อโดนโละ ? ทำไม กรีซมันน์ ถึงพังในซีซั่นแรกกับ บาร์เซโลน่า

"การได้ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า คือความฝันของนักเตะทุกคน" เป็นประโยคที่มักจะถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ บาร์เซโลน่า ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในยอดทีมของยุคนี้, มีโอกาสประสบความสำเร็จทุกฤดูกาล แถมยังมี ลิโอเนล เมสซี่ หนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของโลกอยู่ในทีมอีก



    แน่นอน ทั้งหมดที่กล่าวในเบื้องต้นเป็นข้อเท็จจริง ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความยอดเยี่ยมของ บาร์เซโลน่า, ตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาก็ได้สัมผัสกับแชมป์หลายรายการ และ เมสซี่ ก็ยังผลิตสกอร์ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความฝันที่ว่าก็ส่งผลเสียได้เหมือนกัน มันไม่ใช่ว่านักเตะทุกคนจะไปได้สวยหลังจากทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คือตัวอย่างที่มักจะถูกพูดถึงมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ อ็องตวน กรีซมันน์ ก็กำลังเดินไปในทิศทางนั้นเหมือนกัน





    หลังจากเคยโชว์ฟอร์มได้สุดยอดกับ แอตเลติโก มาดริด แต่ตอนนี้ กรีซมันน์ กลับไปไม่รุ่งกับ บาร์เซโลน่า เท่าที่ควร เขาเพิ่งทำประตูให้ทีมได้เพียง 14 ลูกจากการลงเล่น 37 นัดในทุกรายการ และถ้านับเฉพาะในลีกเขาก็ยิงได้เพียง 8 ประตู จาก 26 นัดเท่านั้น

    กระทั่งล่าสุด สปอร์ต สื่อกีฬาชื่อดังของแคว้นกาตาลุนย่าที่มักจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของ บาร์เซโลน่า เป็นอย่างดี (เหมือนกับสื่ออีกเจ้าของแคว้นกาตาลุนย่าอย่าง มุนโด้ เดปอร์ติโบ) ก็ออกมาแฉแล้วว่าตอนนี้บอร์ดบริหารของ บาร์เซโลน่า พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอขอซื้อ กรีซมันน์ แล้ว หลังจากมองว่าเขาทำผลงานได้ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ จนมันนำไปสู่คำถามที่ว่าทำไม กรีซมันน์ ถึงฟอร์มไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควรกับซีซั่นแรกในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า ?


- เหตุผลด้านฟุตบอล     133 ประตูจากการลงเล่น 257 นัดในทุกรายการกับ แอต. มาดริด ทำให้ กรีซมันน์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในยอดกองหน้าของยุคในช่วงนั้น และเขาก็มีส่วนช่วยทำให้ "ตราหมี" ได้แชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-18 ด้วย เพราะซีซั่นนั้นเขาทำประตูในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวได้ถึง 6 ลูก จากการลงเล่น 8 นัด (แอต. มาดริด ตกลงมาเล่นใน ยูโรปา ลีก หลังจากในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของซีซั่นเดียวกัน พวกเขาได้อันดับ 3 ในรอบแบ่งกลุ่ม)



    ประเด็นก็คือตอนที่ทำงานร่วมกับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นั้น ดาวเตะชาวฝรั่งเศสรับบทบาทเป็นกองหน้าฝั่งขวา หรือไม่ก็เป็นหัวหอกที่ยืนต่ำลงมานิดหน่อยเพื่อเป็นตัวหนุน ดีเอโก้ คอสต้า ซึ่งนั่นคือปัญหา เพราะที่ บาร์เซโลน่า มันมี 2 คนที่จองทั้ง 2 ตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว ได้แก่ ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ

    เรื่องดังกล่าวทำให้ในซีซั่นนี้ กรีซมันน์ ต้องรับบทบาทกองหน้าฝั่งซ้ายอยู่หลายนัด จริงอยู่ว่าเขาเคยเล่นในตำแหน่งนี้ตอนอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด แต่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่เหมาะกับเขา ขนาดซีซั่นที่ดีที่สุดของเขากับ โซเซียดาด ซึ่งเจ้าตัวทำไป 20 ประตู จากการลงเล่น 50 นัดในทุกรายการในฤดูกาล 2013-14 นั้น มันยังแย่กว่าซีซั่นที่เลวร้ายที่สุดของเขากับ แอต. มาดริด เลย โดยฤดูกาลที่ว่าคือฤดูกาล 2018-19 ที่เขาทำไป 21 ประตู จากการลงสนามในทุกรายการ 48 เกม



    การต้องมารับบทกองหน้าฝั่งขวาเป็นหลักมันทำให้ กรีซมันน์ ไม่มีโอกาสยิงมากเท่าไหร่ด้วย ในฤดูกาลนี้เขามีค่าเฉลี่ยการง้างเท้ายิงเพียง 1.8 ครั้งต่อเกมเท่านั้น ต่างกับซีซั่นก่อนที่มีค่าเฉลี่ยด้านนี้ 3.1 ครั้งต่อเกมแบบฟ้ากับเหว และที่ผ่านมามันยังไม่เคยมีฤดูกาลไหนที่เขามีค่าเฉลี่ยการง้างเท้ายิงในลีกต่ำกว่า 2 ครั้งต่อเกมเลย นั่นหมายความว่าถ้าแนวโน้มมันยังไม่ดีขึ้น เขาก็มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์แบบแย่ๆ ขึ้นมาได้

- เหตุผลนอกสนาม     นักฟุตบอลก็เหมือนคนงานทั่วไป ถ้าหากเข้าขากันได้ดีมันก็จะช่วยทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และมีโอกาสที่งานจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้มันก็อาจจะส่งผลให้งานที่ออกมามันไม่ยอดเยี่ยมเท่าที่ควรจะเป็น



    กรีซมันน์ เคยออกมายอมรับในช่วงแรกๆ ที่มาอยู่กับทีมเองว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับ เมสซี่ และ ซัวเรซ มากเท่าไหร่ และไม่ว่าจะผ่านมากี่เดือน เจ้าตัวก็ยังให้สัมภาษณ์แบบนั้นอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้จะออกมาพูดแบบช่วยให้มีความหวังว่าพอผ่านไปสักพักแล้วมันน่าจะดีขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นจริงๆ สักที

    "เมสซี่ ไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบพูดอะไรเท่าไหร่ และผมเองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน การสร้างความสัมพันธ์กับเขามันถือเป็นเรื่องยากเลยทีเดียว" คือหนึ่งในประโยคที่ กรีซมันน์ พูดเอาไว้เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่อีก 1 เดือนให้หลังจะบอกอีกว่า "ผมเป็นคนขี้อายมากๆ และไม่ชอบตรงเข้าไปคุยกับคนอื่นเท่าไหร่ ผมไม่ใช่คนที่จะเริ่มบทสนทนา ตอนนี้ทั้ง หลุยส์, เลโอ และผมกำลังเริ่มเรียนรู้กันและกันอยู่"



    แน่นอน เมสซี่ กับ ซัวเรซ อาจจะไม่ได้ถึงขั้นเกลียด กรีซมันน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซี้กัน ต่างกับ เมสซี่ และ ซัวเรซ เองที่สนิทกันมากๆ จนถึงขนาดหอบครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันมาแล้ว ที่จริงแค่ความสัมพันธ์ระหว่าง กรีซมันน์ กับ เมสซี่ ก็ยังสู้ความสัมพันธ์ระหว่าง เนย์มาร์ กับ เมสซี่ ไม่ได้เลย โดยตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนั้นคือการที่ เมสซี่ เคยให้สัมภาษณ์ว่าส่วนตัวแล้วอยากร่วมงานกับ เนย์มาร์ อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่า เมสซี่ ถึงขั้นเคยส่งข้อความไปหา เนย์มาร์ เพื่อชวนอีกฝ่ายกลับมาร่วมงานกันที่ คัมป์ นู ด้วย



    ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีมันก็มีข่าวลืออยู่แล้วว่านักเตะ บาร์เซโลน่า บางคน อย่างเช่น เคราร์ด ปิเก้ ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่ทีมพยายามล่าตัว กรีซมันน์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2019 เพราะพวกเขามองว่าทีมไม่ต้องการนักเตะอย่าง กรีซมันน์ เลย แถมพวกเขายังแค้นดาวเตะชาวฝรั่งเศสด้วยที่ปฏิเสธจะมาอยู่กับทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 จนทำให้ทีมเสียเวลาไปพักหนึ่ง

สรุป : 1 ฤดูกาลอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่า กรีซมันน์ ล้มเหลวในเรื่องฟอร์มการเล่นกับ บาร์เซโลน่า เพราะปกติแล้วมันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าที่จะทำความคุ้นเคยกับแผนการเล่นของทีมใหม่ได้



    อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมนั้น เรียกได้ว่าตอนนี้มันยังไม่มีแนวโน้มที่ดูดีเท่าไหร่ เพื่อนซี้ในทัพ บาร์เซโลน่า ของ กรีซมันน์ ในตอนนี้ดูแล้วมีเพียง ซามูแอล อุมติตี้ เท่านั้น และอนาคตของ อุมติตี้ กับ บาร์เซโลน่า เองก็ไม่แน่นอนอยู่แล้ว หลังจากที่กองหลังเลือดน้ำหอมไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมอีกต่อไปจนตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง

 นั่นหมายความว่ามันก็มีโอกาสที่สุดท้ายแล้ว กรีซมันน์ อาจจะได้ทำตามความฝันของตัวเองแค่ซีซั่นเดียว ตามที่มีข่าวลือออกมา และมันก็คงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจสำหรับเจ้าตัวในระดับหนึ่ง บอลออนไลน์

3 views0 comments

Comments


bottom of page